สัมภาษณ์ IndieDev Studio

อเล็กซ์: เราได้แรงบันดาลใจจากเกมคลาสสิกอย่าง Secret of Mana และ Zelda: A Link to the Past ที่เราเล่นตอนเด็ก เราอยากสร้างเกมที่มีความรู้สึกแบบเดียวกัน - การผจญภัยที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์และการค้นพบ แต่ด้วยสไตล์ศิลปะที่เป็นของเราเอง

เจมส์: ส่วนตัวผมชอบเกมที่มีระบบการเล่นที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เราต้องการให้ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้ง่าย แต่ยังมีความซับซ้อนพอที่จะทำให้สนุกไปเรื่อยๆ

เจมส์: การจัดการเวลาและทรัพยากรเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เราเป็นทีมเล็กๆ และต้องทำทุกอย่างเอง ตั้งแต่การเขียนโค้ด การออกแบบ ไปจนถึงการตลาด บางครั้งเราต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ระหว่างทำ เช่น การทำ shader effects หรือการปรับแต่งเสียง

ซาร่า: สำหรับผมแล้ว การสร้างเสียงที่เข้ากับบรรยากาศของเกมเป็นเรื่องท้าทาย เราต้องการให้เสียงช่วยเล่าเรื่องและสร้างอารมณ์ แต่ไม่ให้รบกวนการเล่น ใช้เวลาหลายเดือนในการทดลองและปรับแต่ง

อเล็กซ์: พิกเซลอาร์ตมีเสน่ห์ที่เหนือกาลเวลา มันทำให้เราสามารถโฟกัสไปที่การออกแบบและการเล่าเรื่องมากกว่าการแข่งขันเรื่องกราฟิกที่สมจริง นอกจากนี้ยังเป็นสไตล์ที่เราชอบและถนัดด้วย

อีกเหตุผลหนึ่งคือข้อจำกัดด้านทรัพยากร การทำ 3D graphics ที่ดูดีต้องใช้ทีมและเวลามาก แต่พิกเซลอาร์ตทำให้เราสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามได้ด้วยทีมเล็กๆ

เจมส์: เรากำลังวางแผนทำ DLC สำหรับ Mystic Forest Adventure ก่อน เพื่อเพิ่มเนื้อหาและแก้ไขจุดที่ผู้เล่นให้ feedback มา หลังจากนั้นเราอยากลองทำเกมแนวอื่น อาจจะเป็น puzzle-platformer หรือ roguelike

อเล็กซ์: เราอยากทดลองกับสไตล์ศิลปะใหม่ๆ ด้วย อาจจะเป็น hand-drawn animation หรือ 3D low-poly ขึ้นอยู่กับแนวเกมที่เราจะทำต่อไป

เจมส์: เริ่มจากเกมเล็กๆ ก่อน อย่าคิดจะทำเกม AAA ตั้งแต่โปรเจคแรก ลองทำเกม jam หรือเกมสั้นๆ เพื่อเรียนรู้ process และเข้าใจขอบเขตของตัวเอง

อเล็กซ์: อย่ากลัวที่จะแชร์งานระหว่างทำ feedback จากคนอื่นมีค่ามาก และอย่าลืมว่าการทำเกมเป็นงานที่ต้องใช้เวลา อดทนและมีความมุ่งมั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ซาร่า: หาชุมชนของนักพัฒนาเกมในพื้นที่หรือออนไลน์ การมีเพื่อนที่เข้าใจและสามารถให้คำแนะนำได้จะช่วยมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ท้อแท้